คู่มือสอนหลักการนับไพ่แบล็คแจ็คในคาสิโนออนไลน์
แบล็คแจ็ค (BLACK JACK) หรือที่เรียกอีกอย่างว่า "แบล็คแจ็ค 21" เป็นเกมไพ่ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เป้าหมายของเกมคือทำให้แต้มรวมของไพ่ในมือใกล้เคียง 21 แต้ม มากที่สุดแต่ห้ามเกิน ไพ่ตัวเลขจะมีแต้มเท่ากับหน้าไพ่ ไพ่หน้าทั้งหมด (J, Q, K) มีค่าเท่ากับ 10 แต้ม และ A สามารถนับเป็น 1 หรือ 11 แต้มได้
ในเกมแบล็คแจ็ค ผู้เล่นและเจ้ามือจะผลัดกันจั่วไพ่ โดยผู้เล่นสามารถเลือกที่จะจั่วไพ่เพิ่มหรือหยุด หากแต้มเกิน 21 (เรียกว่า "บัสต์") ผู้เล่นจะแพ้โดยอัตโนมัติ เจ้ามือต้องจั่วไพ่ตามกฎที่กำหนดไว้ เช่น หากแต้มรวมต่ำกว่า 17 ต้องจั่วต่อ หากถึงหรือละ 17 ให้หยุดจั่ว หากไม่มีฝ่ายใดแต้มเกิน 21 ก็จะนำแต้มมาเปรียบเทียบ ฝ่ายที่มีแต้มมากกว่าเป็นผู้ชนะ แต่ถ้าแต้มเท่ากันก็จะถือว่าเสมอ

รูปแบบไพ่และการคำนวณแต้มในแบล็คแจ็ค
หน้าไพ่ | การคำนวณและคำอธิบาย |
---|---|
ไพ่เลข 2-9 | นับแต้มตามตัวเลขบนหน้าไพ่ |
ไพ่ 10, J, Q, K | นับเป็น 10 แต้มทั้งหมด โดยใช้ตัว “T” แทนคำว่า Ten |
ไพ่ A | ใช้นับเป็น 1 หรือ 11 แต้ม ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ โดยพิจารณาให้แต้มรวมในมือไม่เกิน 21 แต้ม (ตัวอย่าง: 10+A = 21 แต้ม, 5+J+A = 16 แต้ม) |
ใครก็เข้าใจได้! 7 ข้อควรรู้เกี่ยวกับกติกาแบล็คแจ็คในคาสิโนออนไลน์
แบล็คแจ็คมีหลายรูปแบบ แต่กติกาเบื้องต้นจะคล้ายกัน
- เกมแต่ละรอบประกอบด้วยหนึ่งเจ้ามือและผู้เล่นหลายคน
- ผู้เล่นแต่ละคนจะได้รับไพ่ 2 ใบตอนเริ่มเกม เจ้ามือจะหงายไพ่ 1 ใบไว้ อีกใบคว่ำหน้า
- ผู้เล่นและเจ้ามือจะพยายามรวมแต้มให้ใกล้เคียง 21 มากที่สุด แต่ห้ามเกิน
- ผู้เล่นจะเล่นก่อน สามารถเลือกจั่วไพ่เพิ่มหรือหยุด หากแต้มเกิน 21 จะถือว่าแพ้ทันที
- เมื่อผู้เล่นทุกคนจบการเล่น เจ้ามือจะเปิดไพ่ใบที่คว่ำไว้ และจั่วไพ่เพิ่มหากแต้มต่ำกว่า 17 ตามกฎ
- หากเจ้ามือบัสต์ (แต้มเกิน 21) ผู้เล่นที่ไม่บัสต์จะชนะ หากแต้มเท่ากัน ถือว่าเสมอ
- ผู้ที่มีแต้มสูงกว่าเป็นผู้ชนะในรอบนั้น
※ หมายเหตุสำคัญ: ไพ่ Ace สามารถนับเป็น 1 หรือ 11 แต้มได้ ผู้เล่นสามารถเลือกตามความเหมาะสมของแต้มรวมในมือ
อัตราการจ่ายแบล็คแจ็คในคาสิโนออนไลน์ กฎพิเศษ (ยกตัวอย่าง OB Live)
เกมหลัก | อัตราการจ่าย |
---|---|
เดิมพันหลัก | 1 : 1 |
เดิมพันประกัน | 1 : 2 |
แบล็คแจ็ค | 1 : 1.5 |
ไอคอน | การเดิมพันข้าง 21+3 | อัตราการจ่าย |
---|---|---|
![]() | ตองดอกเดียวกัน | 1 : 100 |
สเตรทฟลัช | 1:40 | |
![]() | ตอง | 1:30 |
![]() | สเตรท | 1:10 |
![]() | ฟลัช | 1:5 |
สัญลักษณ์ | รูปแบบเดิมพันคู่สมบูรณ์แบบ | อัตราจ่าย |
---|---|---|
คู่สมบูรณ์แบบ | 1:25 | |
คู่สีเดียวกัน | 1:12 | |
![]() | คู่ผสม | 1:6 |
- ประกันภัย : หากไพ่หงายของเจ้ามือเป็น A ผู้เล่นสามารถเลือกซื้อประกันโดยวางเดิมพันเท่ากับครึ่งหนึ่งของเงินเดิมพันเดิม เพื่อป้องกันกรณีที่เจ้ามือได้แบล็คแจ็ค หากเจ้ามือไม่ได้แบล็คแจ็ค จะเสียเงินประกันทันที แต่ถ้าได้แบล็คแจ็ค จะได้รับเงินจ่าย 2 เท่าของเงินประกัน
- ดับเบิ้ลดาวน์ : หากแต้มรวมของไพ่สองใบแรกของผู้เล่นคือ 11 แต้ม สามารถเลือกเพิ่มเดิมพันเป็นสองเท่าได้ แต่จะได้รับไพ่เพิ่มอีกเพียงใบเดียว บางเกมสามารถใช้ดับเบิ้ลดาวน์ที่ 10 แต้ม หรือแม้กระทั่งแต้มใดก็ได้
- แยกไพ่ : หากผู้เล่นได้ไพ่สองใบแรกที่มีแต้มเท่ากัน สามารถเลือกแยกไพ่ได้ โดยต้องวางเดิมพันเพิ่มเติมเท่ากับจำนวนเงินเดิมพันเดิม หากแยกได้ A จะได้รับไพ่เพิ่มเติมเพียงใบเดียว และไม่สามารถเรียกไพ่ได้อีก บางกรณีไม่สามารถแยกไพ่ซ้ำอีกครั้ง
- คู่ : พื้นที่วางเดิมพันคู่บนโต๊ะ ผู้เล่นสามารถวางเดิมพันที่ตำแหน่งนี้ได้ในขณะเดิมพันหลัก โดยระบบจะแจกไพ่ตามลำดับ หากได้ไพ่คู่เหมือนทั้งหมายเลขและดอก จ่าย 25 เท่า;หากแค่สีเดียวกัน จ่าย 12 เท่า;กรณีเป็นแค่คู่เลขธรรมดา จ่าย 6 เท่า
- แบล็คแจ็ค “21 แต้ม” : หรือเรียกว่า Natural Black Jack หากผู้เล่นได้ไพ่หนึ่งใบเป็น A (นับเป็น 11 แต้ม) และอีกใบเป็นไพ่ 10 แต้ม (10, J, Q หรือ K) จะถือว่าเป็นไพ่แบล็คแจ็ค ซึ่งเป็นไพ่สูงสุด เจ้ามือต้องจ่ายให้ผู้เล่น 1.5 เท่า (หรือ 1.2 เท่า) ของเงินเดิมพัน
- ห้ามังกร (ผ่านห้าด่าน): หากผู้เล่นจั่วไพ่จนมีครบ 5 ใบโดยไม่เกินแต้ม 21 ไพ่ชุดนี้จะเรียกว่า ห้ามังกร (เป็นไพ่พิเศษ) ผู้เล่นจะได้รับเงินจากเจ้ามือ 3 เท่า.
- เรียง : ในตำแหน่งเดิมพันหลัก ผู้เล่นสามารถวางเดิมพันในโซน 21+3 ได้เช่นกัน โดยแจกไพ่ตามลำดับ หากไพ่ใบแรกของเจ้ามือรวมกับไพ่สองใบแรกของผู้เล่นเรียงกัน จะจ่าย 10 เท่า.
- ดอกเดียวกัน: ในตำแหน่งเดิมพันหลัก ผู้เล่นสามารถวางเดิมพันในโซน 21+3 ได้เช่นกัน โดยแจกไพ่ตามลำดับ หากไพ่ใบแรกของเจ้ามือรวมกับไพ่สองใบแรกของผู้เล่นเป็นไพ่ดอกเดียวกัน จะจ่าย 5 เท่า.
- ไพ่สามใบแต้มเดียวกัน : ในตำแหน่งเดิมพันหลัก ผู้เล่นสามารถวางเดิมพันในโซน 21+3 ได้เช่นกัน โดยแจกไพ่ตามลำดับ หากไพ่ใบแรกของเจ้ามือรวมกับไพ่สองใบแรกของผู้เล่นเป็นไพ่แต้มเดียวกันทั้งสามใบ จะจ่าย 30 เท่า.
- สเตรทฟลัช : ในตำแหน่งเดิมพันหลัก ผู้เล่นสามารถวางเดิมพันในโซน 21+3 ได้เช่นกัน โดยแจกไพ่ตามลำดับ หากไพ่ใบแรกของเจ้ามือรวมกับไพ่สองใบแรกของผู้เล่นเป็นไพ่ดอกเดียวกันเรียงแต้ม จะจ่าย 40 เท่า.
- ตองดอกเดียวกัน : ในตำแหน่งเดิมพันหลัก ผู้เล่นสามารถวางเดิมพันในโซน 21+3 ได้เช่นกัน โดยแจกไพ่ตามลำดับ หากไพ่ใบแรกของเจ้ามือรวมกับไพ่สองใบแรกของผู้เล่นเป็นไพ่แต้มเหมือนกันและมีดอกเดียวกันทั้งสามใบ จะจ่าย 100 เท่า ทั้งนี้สามารถเกิดขึ้นพร้อมกับแบล็กแจ็คได้.
- เสมอ : หากเจ้ามือและผู้เล่นไม่มีไพ่เกินแต้ม 21 แล้วแต้มรวมบนมือเท่ากัน หรือทั้งสองฝ่ายได้แบล็กแจ็ค ถือว่าเสมอ ผู้เล่นจะได้รับเงินเดิมพันคืน.
- ยอมแพ้: ก่อนที่ผู้เล่นทุกคนจะจั่วไพ่ได้ ผู้เล่นสามารถเลือกยอมแพ้แล้วรับเงินคืนครึ่งหนึ่งของเดิมพัน ซึ่งเรียกว่า ยอมครึ่ง.
คำศัพท์แบล็กแจ็ค
หากคุณยังเป็นมือใหม่ในเกมแบล็กแจ็ค การทำความเข้าใจกับคำศัพท์เฉพาะของแบล็กแจ็คจะช่วยให้คุณเรียนรู้เกมได้เร็วขึ้น ด้านล่างคือคำศัพท์ที่ใช้บ่อย 12 คำ เพื่อให้คุณสามารถเล่นบนโต๊ะแบล็กแจ็คได้อย่างคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
คำศัพท์แบล็กแจ็คที่พบบ่อย | คำอธิบาย |
---|---|
จั่วไพ่ (Hit) | ผู้เล่นสามารถจั่วไพ่เพิ่มถ้าคิดว่าแต้มบนมือยังไม่เพียงพอที่จะชนะเจ้ามือ. |
หยุด (Stand) | ผู้เล่นพอใจกับแต้มที่มีและเลือกไม่จั่วไพ่เพิ่ม. |
แยกไพ่ (Split) | เมื่อได้ไพ่สองใบแต้มเท่ากัน สามารถแยกไพ่ออกเป็นสองมือ และวางเดิมพันแยกในแต่ละมือ. |
ไพ่เกิน (Bust) | ผลรวมแต้มเกิน 21 ผู้เล่นต้องเปิดไพ่ทั้งหมด และเสียเดิมพันให้เจ้ามือ. |
ประกัน (Insure) | หากไพ่หงายของเจ้ามือคือ Ace ผู้เล่นสามารถวางเดิมพันประกันโดยใช้เงินครึ่งหนึ่งของเดิมพัน เพื่อป้องกันว่าเจ้ามือจะได้แบล็กแจ็ค. |
เพิ่มเดิมพันสองเท่า (Double) | หากไพ่สองใบแรกของผู้เล่นรวมได้ 11 แต้ม สามารถเลือกเพิ่มเงินเดิมพันเป็นสองเท่าได้. |
ยอมแพ้ (Surrender) | หากผู้เล่นไม่มั่นใจในไพ่ที่ถืออยู่ สามารถเลือกยอมแพ้และเสียเพียงครึ่งหนึ่งของเงินเดิมพัน. |
เสมอ (Push) | แต้มของผู้เล่นและเจ้ามือเท่ากัน ผู้เล่นจะได้รับเงินเดิมพันคืน. |
แบล็กแจ็ค (Black Jack) | ไพ่สองใบแรกเป็น Ace และไพ่ 10 แต้ม. |
ไพ่เรียง | ไพ่ประกอบด้วยแต้ม “6, 7, 8” รวมกันได้ 21 แต้ม จะได้รับ 3 เท่าของเงินเดิมพัน. |
ตองเจ็ด | ไพ่สามใบเป็นเลข “7” ทั้งหมด รวมกันได้ 21 แต้ม จะได้รับ 3 เท่าของเงินเดิมพัน. |
ห้ามังกร | หากเจ้ามือจั่วไพ่ครบ 5 ใบโดยไม่เกิน 21 ผู้เล่นจะต้องจ่าย 3 เท่าของเดิมพันให้กับเจ้ามือ. |
2, 3, 4, 5, 6
7, 8, 9
10, J, Q, K, A
คะแนน
+1
+0
-1
ให้นำไพ่ที่แจกไปแล้วมาคำนวณตามตารางคะแนนด้านบน โดยนำแต้มมาบวกกัน ผลรวมที่ได้อาจเป็นบวกหรือลบ:
- หากผลรวมเป็น“ลบ” หมายความว่าไพ่แต้มสูงถูกแจกออกไปเยอะ เหลือไพ่แต้มต่ำในสำรับมากกว่า
- หากผลรวมเป็น“บวก” หมายความว่าในสำรับยังมีไพ่แต้มสูงเหลืออยู่มาก
ถ้าในสำรับเหลือไพ่แต้มต่ำเยอะ และไพ่ในมือคุณมีแต้มรวมน้อยกว่า 17 แต้ม คุณสามารถเลือกจั่วไพ่เพิ่มได้
ความได้เปรียบของเจ้ามือในเกมคาสิโนแต่ละประเภท
ประเภทเกมคาสิโน | ความได้เปรียบของคาสิโน |
---|---|
American Roulette | 5.26% |
บาคาร่า | 1.01% - 15.75% |
แบล็คแจ็ค | 0.5% |
แครปส์ | 0 - 16.67% |
ลอตเตอรี่ | 20% - 40% |
สล็อตแมชชีน | 2% - 15% |
Texas Hold’em Poker | 2.36% |
ซิกโบ | 2.78 - 33.33% |
ในเกมแบล็คแจ็ค แม้ว่าผู้เล่นจะใช้กลยุทธ์ที่ดีที่สุดก็ตาม เจ้ามือยังคงได้เปรียบ 0.5% หมายความว่าโดยเฉลี่ย หากวางเดิมพัน 1,000 บาท จะเสีย 5 บาท
สาเหตุสำคัญที่ทำให้เจ้ามือได้เปรียบ มีดังนี้:
- เจ้ามือเล่นทีหลัง: หลังจากผู้เล่นทุกคนจบการเล่น เจ้ามือจะตัดสินใจจั่วหรือหยุดจั่วตามกฎ และมีโอกาสชนะหากผู้เล่นจับได้แต้มเกิน
- เจ้ามือไม่จับ (Busted) ง่าย: เจ้ามือจะตัดสินใจด้วยกลยุทธ์ตามสถานการณ์ของแต้ม จึงมีความเสี่ยงน้อยที่จะจับได้แต้มเกิน ทำให้ชนะได้ง่ายกว่า
- ผู้เล่นจับไพ่บ่อย: ผู้เล่นบางรายอาจจั่วไพ่มากเกินไปจากความโลภหรือรีบร้อน จนแต้มเกินและเสียให้นายธนาคาร
- เจ้ามือวิเคราะห์เกมได้ดีกว่า: เจ้ามือมีประสบการณ์และสามารถคาดเดากลยุทธ์ของผู้เล่นได้ ทำให้ตัดสินใจได้แม่นยำกว่า
วิธีเล่นแบล็คแจ็คในคาสิโนระดับโลกและออนไลน์
แบล็คแจ็คเป็นเกมไพ่ยอดนิยม เป้าหมายของเกมคือรวมแต้มในมือให้ใกล้ 21 มากที่สุด โดยห้ามเกิน 21 แต้ม
วิธีการเล่นแบล็คแจ็คมีดังนี้:
- ผู้เล่นและเจ้ามือจะได้รับไพ่คนละ 2 ใบ
- ผู้เล่นตัดสินใจก่อนว่าจะจั่วไพ่เพิ่มหรือหยุด
- หากผู้เล่นจั่วไพ่แล้วแต้มรวมเกิน 21 จะถือว่า “จับได้แต้มเกิน” และแพ้ทันที
- ผู้เล่นสามารถเลือกจั่วเพิ่มหลายครั้ง หรือหยุดเมื่อคิดว่าแต้มใกล้ 21 หรือเพียงพอแล้ว
- หลังจากผู้เล่นทุกคนหยุด เจ้ามือจะเปิดไพ่ใบที่สอง และทำตามกฎ เช่น หากแต้มน้อยกว่า 17 ต้องจั่วเพิ่ม ถ้ามากกว่าหรือเท่ากับ 17 ให้หยุด
- หากเจ้ามือได้แต้มรวมเกิน 21 จะถือว่าจับได้แต้มเกิน ผู้เล่นที่ไม่จับจะชนะ
- เปรียบเทียบแต้มไพ่ระหว่างผู้เล่นกับเจ้ามือ แต้มมากกว่าจะชนะ หากแต้มเท่ากันถือว่าเสมอ
